การหุงข้าว
ในอดีต
คนไทยหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ คือ การต้มข้าวสารกับน้ำจนเกือบสุก จากนั้นเทน้ำข้าวออก แล้วตั้งไฟอ่อนๆ
รอให้ข้าวพองตัวสุกเต็มที่
ข้าวสวยที่ได้จึงสุกนุ่มน่ากิน
แต่การหุงข้าววิธีนี้สูญเสียสารอาหารจำนวนมากไปกับน้ำ
ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นการหุงข้าวด้วยการนึ่งอาหารให้สุกแทน
ซึ่งใช้หลักการเดียวกับการหุงข้าวด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้าในปัจจุบัน
โดยนำมาซาวผ่านน้ำ 1 ครั้งแล้วใส่ลงในภาชนะทนความร้อน เติมน้ำ 1.5 ส่วนต่อข้าวสาร 1 ส่วน แต่ถ้าหุงข้าวกล้องต้องเติมน้ำ 2 ส่วนต่อข้าวสาร 1 ส่วน แล้วจึงนำไปนึ่งให้สุก ทั้งนี้ระยะเวลาขึ้นอยู่กับขนาดของภาชนะและปริมาณของข้าวที่ใช้
การหุงข้าวด้วยวิธีนี้จะช่วยรักษาปริมาณสารอาหารในเมล็ดข้าวไว้ได้มากกว่าวิธีหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ
ปัจจุบันมีผู้คิดค้นผลิตหม้อหุงข้าวไฟฟ้าขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวก
เหมาะกับครอบครัวที่ นิยมทำอาหารรับประทานเองโดยหลักการทำให้ข้าวสุกนั้นเหมือนกับการหุงข้าวแบบไม่เช็ดน้ำใน สมัยก่อน
อีกทั้งยังรักษาคุณค่าทางอาหารไว้ได้อย่างดีอีกด้วยซึ่งได้ยกตัวอย่างการหุงข้าวเจ้าต่าง
ๆ ไว้ดังนี้
-
ข้าวหอมมะลิ ใช้ข้าวสาร 2 ถ้วย : น้ำ 2 ½ ถ้วย
-
ข้าวขาวธรรมดา ใช้ข้าวสาร
2 ถ้วย : น้ำ 3 ถ้วย
-
ข้าวกล้องหอมมะลิ ใช้ข้าวสาร 2 ถ้วย : น้ำ 4 ถ้วย
-
ข้าวกล้องธรรมดา ใช้ข้าวสาร
2 ถ้วย : น้ำ 5 ถ้วย
อ้างอิง ข้าวทำอะไรก็อร่อย._กรุงเทพฯ : อมรินทร์. พิมพ์ครั้งที่ 1
อ้างอิง ข้าวทำอะไรก็อร่อย._กรุงเทพฯ : อมรินทร์. พิมพ์ครั้งที่ 1